รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง แนวคิดเรื่องระยะห่างทางจิตใจ : วิวัฒนาการและความท้าทาย
ชื่อเรื่องรอง Psychic Distance : Concept Development and Challenge
ชื่อผู้แต่ง
1.พัฒน์นรี ศรีศุภโอฬาร
2.ณัฐพล อัสสะรัตน์
หัวเรื่องคำสำคัญ
1.ระยะห่างทางจิตใจ
หัวเรื่องควบคุม
1.การตลาด
คำอธิบาย / บทคัดย่อ บทความนี้เป็นการรวบรวมวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดระยะห่างทางจิตใจและแนวคิดที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี พ.ศ. 1956 ถึงปี ค.ศ. 2011 โดยเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของแนวคิดนี้และข้อจำกัดในการประยุกต์ใช้และเพื่อเป็นที่อ้างอิงสำหรับนักวิจัย นักศึกษาด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศและการตลาดระหว่างประเทศเป็นหลัก จากการศึกษาพบว่าแนวคิดนี้ได้มีวิวัฒนาการมาจากการตั้งข้อสังเกตว่านอกจากระยะห่างทางกายภาพที่บ่งบอกต้นทุนของการส่งออกแล้วยังมีระยะห่างทางจิตใจ ข้อสมมุติฐานของแนวคิดนี้คือ ผู้บริหารมีแนวโน้มที่จะเลือกเข้าตลาดที่มีระยะห่างทางจิตใจที่ใกล้มากกว่าตลาดที่มีระยะห่างทางจิตใจไกลยุคต่อมาจึงมีความพยายามที่จะวัดระยะห่างทางจิตใจและพิสูจน์ข้อสมมุติฐาน แม้การศึกษาเชิงประจักษ์จะมีความไม่สอดคล้องกันและเกิดคำวิจารณ์ว่าแนวคิดนี้ขาดอำนาจในการอธิบายและล้าสมัยไปแล้ว คณะผู้ศึกษาพบว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะการขาดความเข้าใจว่าแนวคิดเรื่องระยะห่างทางจิตใจเป็นแนวคิดเชิงพฤติกรรม มีความเป็นพลวัตร ซึ่งควรประยุกต์ใช้โดยการคำนึงถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทไปตามกาลเวลาตามระดับของความรู้ใหม่ที่ได้รับในแต่ละกระบวนการของการเข้าสู่ความเป็นสากล (Internationalization) รวมถึงระดับของความมุงมั่นของบริษัทต่อการพัฒนาตลาดในประเทศนั้นๆ อีกด้วย หากทำการศึกษาโดยคำนึงถึงบริบทของการศึกษาและเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมก็จะลดปัญหาดังกล่าวได้ บทความนี้มีข้อสรุปว่า แนวคิดเรื่องระยะห่างทางจิตใจยังคงเป็นแนวคิดที่มีประโยชน์แต่ต้องประยุกต์ใช้โดยมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ คำนึงถึงบริบทที่จะศึกษา และเลือกใช้วิธีการศึกษาที่เหมาะสม
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)
ชื่อวารสาร วารสารบริหารธุรกิจ
ปีที่ 35
ฉบับที่ 136
หน้าที่ 25 - 46
ปีพิมพ์ 2555
ชื่อสำนักพิมพ์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชื่อสำนักพิมพ์ภาษาอื่น
ISSN 0125-233x
ตำแหน่งในระบบ Link
ภาษา Thai
ติดต่อบรรณารักษ์
เพื่อยืมตัวเล่มวารสารไปถ่ายเอกสารบทความฉบับเต็ม

(บริการนี้สำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเท่านั้น)