รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ชื่อเรื่องรอง Factors influencing the strengths of network party of schools under the office of the non-formal and informal education
ชื่อผู้แต่ง
1.สมบูรณ์ บูรศิริรักษ์
หัวเรื่องคำสำคัญ
หัวเรื่องควบคุม
1.เครือข่ายการเรียนรู้ -- แบบจำลอง
2.การศึกษานอกระบบโรงเรียน
3.การศึกษาตามอัธยาศัย
คำอธิบาย / บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความกลมกลืนของแบบจำลองเชิงทฤษฎีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ประชากรในการวิจัยประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารภาคีเครือข่ายในเขตกรุงเทพฯมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร นครปฐมและนครนายก กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มแบบแบ่งชั้น จากผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 76 คน และจากผู้บริหารภาคีเครือข่าย จำนวน 285 คน รวมเป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 361 คน ขั้นตอนการพัฒนาแบบจำลองเชิงทฤษฎี ประกอบด้วยการศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาองค์ประกอบของความเข้มแข็ง และปัจจัยที่ส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อความเ้ข้มแข็งของภาคีเครือข่ายเขียนร่างแบบจำลองเชิงทฤษฎี และจัดสนทนากลุ่มย่อยผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาคีเครือข่ายรวม 12 ท่าน วิพากษ์ร่างแบบจำลองเชิงทฤษฎี กรอบแนวคิด ตัวแปรที่ในการวิจัยและนิยามศัพท์ปรับร่างแบบจำลองเิชิงทฤษฎีโดยใช้สารสนเทศที่ได้จากการสนทนากลุ่มย่อย ได้แบบจำลองเชิงทฤษฎีที่พัฒนาขึ้นเพื่อตรวจสอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นแบบสอบถาม 2 ฉบับ คือ ฉบับผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 และฉบับผู้บริหารภาคีเครือข่าย มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบจำลองเชิงทฤษฏีกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยใช้โปรแกรม LISREL ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ 1. ผลการพัฒนาแบบจำลองเชิงทฤษฎีพบว่า ตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย มี 8 ปัจจัย ประกอบด้วย การพึ่งตนเองได้และการพัฒนาศักยภาพของตนเองได้เป็นไปตามสมมติฐานการวิัจัยข้อที่ 2 2. ผลการวิเคราะห์แบบจำลองเชิงทฤษฎีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเข้มแข็งของภาีคีเครือข่ายของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน กศน.พบว่า มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยตัวแปรปัจจัยทั้ง 8 ปัจจัย และตัวแปรองค์ประกอบ ทั้ง 2 ด้าน มีค่าเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีข้อค้นพบ ดังนี้ 2.1) ตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายมี 6 ปัจจัยเรียงลำดับค่าอิทธิพลจากมากไปน้อยประกอบด้วย การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม การเรียนรู้ การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการสนับสนุนทรัพยากร 2.2) ตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายที่ส่งผ่านปัจจัยด้ายการเรียนรู้ มี 3 ปัจจัย เรียงลำดับค่าอิทธิพลจากมากไปน้อย ประกอบด้วย ภาวะผู้นำ การสื่อสาร และความต่อเนื่องของกิจกรรม 2.3) ตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายที่ส่งผ่านปัจจัยด้านการบริหารจัดการมี 2 ปัจจัย เรียงลำดับค่าอิทธิพลจากมากไปน้อย ประกอบด้วย ผลประโยชน์ร่วมกัน และการมีส่วนร่วม 2.4) ตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายที่ส่งผ่านปัจจัยด้านการมีส่วนร่วม มี 1 ปัจจัย คือ ผลประโยชน์ร่วมกัน 2.5) ตัวแปรปัจจัยทีี่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายที่ส่งผ่านปัจจัยด้านความต่อเนื่องของกิจกรรมมี 2 ปัจจัย เรียงลำดับค่าอิืทธิพลจากมากไปน้อยประกอบด้วย การสนับสนุนทรัพยากร และการสื่อสาร
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)
ชื่อวารสาร วารสารบริหารการศึกษา มศว
ปีที่ 7
ฉบับที่ 12
หน้าที่ 11 - 24
ปีพิมพ์ 2553
ชื่อสำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ชื่อสำนักพิมพ์ภาษาอื่น
ISSN 1685-2257
ตำแหน่งในระบบ Link
ภาษา Thai
ติดต่อบรรณารักษ์
เพื่อยืมตัวเล่มวารสารไปถ่ายเอกสารบทความฉบับเต็ม

(บริการนี้สำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเท่านั้น)