รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง |
วิธีการวิจัยทางบัญชีเพื่อศึกษาว่านักลงทุนใช้ประโยชน์จากข้อมูลบัญชีหรือไม่
|
ชื่อเรื่องรอง |
|
ชื่อผู้แต่ง |
|
หัวเรื่องคำสำคัญ |
|
หัวเรื่องควบคุม |
1. | การบัญชี -- วิจัย |
2. | การลงทุน -- การวิเคราะห์ |
|
คำอธิบาย / บทคัดย่อ |
บทความนี้เสนอวิธีวิจัยทางบัญชีที่เป็นที่นิยมแพร่หลายเป็นอย่างมากในการศึกษาเพื่อตอบคำถามว่า นักลงทุน(และ/หรือ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์) ใช้ข้อมูลบัญชีที่ธุรกิจเปิดเผยสู่สาธารณชนในการประเมินราคาหลักทรัพย์ของธุรกิจหรือไม่ คำถามดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจและวงการบัญชี นั่นคือ ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องจัดทำงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินเพื่อรายงานต่อผู้ถือหุ้น (หรือนักลงทุน) และหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมทะเบียนการค้าและกรมสรรพากร เป็นต้นนอกจากนี้บริษัทมหาชนยังจำเป็นต้องจัดทำงบการเงินรายไตรมาสและประจำปี เพื่อสนองต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ดังนั้นจึงอาจกล่าวโดยรวมได้ว่า ข้อมูลบัญชีดังกล่าวจะต้องมีกาเปิดเผยต่อสาธารณชน การกำหนดให้ธุรกิจเปิดเผลข้อมูลบัญชี( เช่น งบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงิน) ต่อสาธารณชนนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจก็ต่อเมื่อนักลงทุนและ/หรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ใช้ข้อมูลบัญชีในการประเมินคุณภาพหลักทรัพย์ และการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของธุรกิจ ถ้านักลงทุนและ/หรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์สามารถใช้ข้อมูลอื่นๆทดแทนข้อมูลบัญชีดังกล่าวในการประเมินราคาหลักทรัพย์และการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ การเปิดเผลข้อมูลทางบัญชีก็จะเป็นการกระทำที่ซ้ำซ้อนและไร้คุณค่า หนำซ้ำยังเป็นผลเสียต่อธุรกิจด้วย
วงการบัญชีซึ่งประกอบด้วยนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตก็น่าสนใจในคำถามที่ว่านักลงทุนใช้ข้อมูลบัญชีในการประเมินราคาหลักทรัพย์ของธุรกิจหรือไม่ เนื่องจากนักบัญชีและผู้สอบบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรวบรวมประมวลผล และจัดทำรายงานเกี่ยวกับข้อมูลบัญชีของธุรกิจ ความสำคัญของวิชาชีพบัญชีไม่ว่าจะเป็นนักบัญชีหรือผู้สอบบัญชีต่อตลาดทุนนั้นอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่า “ข้อมูลบัญชีเป็นข้อมูลที่นักลงทุนใช้ในการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของธุรกิจ” ถ้าข้อมูลบัญชีไม่มีผู้ใดสนใจที่จะนำไปใช้ไม่ว่าจะเป็นการประเมินราคาหลักทรัพย์หรือการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ บทบาทวิชาชีพบัญชีต่อตลาดทุนก็จะลดลงอย่างมาก
|
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)