รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง |
พฤติกรรมการออมและปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบการออมหรือการลงทุนของผู้ออมในประเทศไทย
|
ชื่อเรื่องรอง |
Household saving behavior and determinants of the forms of saving and investment in Thailand
|
ชื่อผู้แต่ง |
1. | ปิยรัตน์ กฤษณามระ |
2. | เมธินี วณิกกุล |
3. | นาถฤดี ศุภกิจจารักษ์ |
|
หัวเรื่องคำสำคัญ |
|
หัวเรื่องควบคุม |
1. | การประหยัดและการออม |
2. | การประหยัดและการออม -- พฤติกรรม |
|
คำอธิบาย / บทคัดย่อ |
โครงการวิจัยเรื่อง พฤติกรรมการออมและปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบการออมหรือการลงทุนของผู้ออมในประเทศไทย ดำเนินการเก็บข้อมูลปฐมภูมิในมิติต่างๆ โดยการใช้แบบสอบถามที่ออกแบบโดยคณะผู้วิจัย สอบถามกลุ่มประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเชียงใหม่ นครราชสีมา ระยอง และสงขลา ทีี่มีรายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และมีอายุตั้งแต่ 20 ปี เป็นจำนวนทั้งสิ้น 844 ตัวอย่าง เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงระดับการออมและวัตถุประสงค์ในการออม รูปแบบการออม และปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออม และปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออม รวมทั้งศึกษาถึงความสอดคล้องระหว่างความรู้ความเข้าใจของผู้ออมในเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทนกับรูปแบบการออมที่เลือก โดยให้ความสำคัญกับรูปแบบการออมผ่านตลาดทุนผลที่ได้จากการศึกษาจะทำให้เข้าใจถึงลักษณะ แนวคิด และปรัชญาในการออมและการลงทุน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในแารออมของผู้ที่มีเงินออมในประเทศไทย ซึ่งสามารถนำไปใช้พิจารณากำหนดและปรับปรุงนโยบายตลอดจนมาตรการต่างๆ ในอันที่จะเพิ่มปริมาณการออมและการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออมผ่านตลาดทุนไทย
จากผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างของผู้ออมในประเทศไทยโดยเฉลี่ยมีการศึกษาในระดับปริญญาตรีและมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทนดี มีอายุโดยเฉลี่ย 47 ปี และมีรายได้ปานกลางจากการทำงานประจำ อัตราการออมเฉลี่ยร้อยละ 29.17 และสนใจการออมทุกรูปแบบ วัตถุประสงค์หลักในการออมคือ เพื่อไว้ใช้หลังเกษียณ ผู้ออมเป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการลงทุนด้วยตัวเองโดยอาศัยข้อมูลจากบุคคลในครอบครัวและเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ผลการวิจัยพบว่า ผู้ออมเลือกลงทุนในรูปแบบการออมแบบดั้งเดิมที่ผู้ออมรู้จักดี ได้แก่ การฝากเงินธนาคาร การทำประกันชีวิต การซื้อทองรูปพรรณและ/หรือทองคำแท่ง และการซื้ออสังหาริมทรัพย์ มากกว่าการลงทุนซื้อตราสารการเงินผ่านตลาดทุน ซึ่งได้แก่พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวม หุ้นกู้และหุ้นสามัญ อย่างไรก็ดี เมื่อผู้ออมทีรายได้เพิ่มขึ้นพบว่า มีแนวโน้มที่จะออมในรูปแบบดั่งเดิมลดลง และลงทุนซื้อตราสารการเงินในตลาดทุนมากขึ้น นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบว่า ผู้ออมมีความเข้าใจดีว่าการลงทุนซื้อตราสารการเงินได้รับผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูง ต้องใช้เงินทุนมากและ มีความซับซ้อนเข้าใจยากจึงสนใจลงทุนน้อย ในการจัดสรรเงินออม ผู้ออมให้ความสำคัญต่อการจัดสรรเงินเพื่อลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับหนึ่ง เนีื่องจากความต้องการมีที่อยู่อาศัยเพื่อความมั่นคงของครอบครัว และมีความเชื่อว่าการลงทุนประเภทนี้มีผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในตราสารการเงิน
|
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)