รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง |
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนารูปแบบการอนุรักษ์พลังงาน: กรณีศึกษาโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี
|
ชื่อเรื่องรอง |
A participatory action research for energy conservation model: a case study of benchamarachutis school chanthaburi province
|
ชื่อผู้แต่ง |
1. | นงนุช อสัมภินวงศ์ |
2. | สิทธิพร นิยมศรีสมศักดิ์ |
|
หัวเรื่องคำสำคัญ |
|
หัวเรื่องควบคุม |
1. | การอนุรักษ์พลังงาน -- วิจัย |
2. | สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน -- การบริหาร -- ไทย |
|
คำอธิบาย / บทคัดย่อ |
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียนเบญจมราชูทิศ
จังหวัดจันทบุรีและเพื่อประเมินประสิทธิถาพของรูปแบบการอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียน โดยใช้
เทคนิคการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วมร่วม (Participatory Action Research: PAR) ตามแยนวคิดของ
เคมมิสและเมคเทกการ์ท (Kemmis &McTaggart, 1988) บูรณาการกับแนวคิดของซุเบอร์และสเคอร์ริท (Zuber & Skerritt,
1992) กระบวณการวิจัยมี 5 ขั้นตอนคือ 1) เตรียมการวิจัย 2) วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ 3)วางแผนพัฒนา 4)
นำแผนไปสู่การปฏิบัติ 5) ประเมินผลและปรับปรุงพัฒนา โยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัง
ที่มาจากผู้แทนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเวียของโรงเรียน ประกอบด้วยผ่ายบริหาร 1 คน ครู่กลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระละ 1
คน รวม 8 คน หัวหน้าระดับชั้น ชั้นละ 1 คน รวม 6 คน ผู้แทนผู้ปกครอง 6 คน ผู้แทนนักเรียน 6 คน คนขับรถ 1 คน
นักการภารโรง 2 คน รวมทั้งหมด 30 คน สนามการวิจัยคือ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี
การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต การใช้เทคนิคพลังสร้างสรรค์และการระดมสมองผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิผลในโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรีประกอบด้วย 1)การสร้างทีมงามการมีส่วนร่วม 2)การศึกษาความต้องการจำเป็น 3)
การร่างโครงการ / กิจกรรมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานประกอบด้วย
การมีส่วนร่วมในการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียน การบูรณาการสอดแทรก การประหยัดพลังงานในบทเรียน
และการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน 4)ทดทองใช้และการปรับปรุงโครงการ/ กิจกรรม PAOR
ประสิทธิภาพของรูปแบบการอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียนพบว่า ผลการดำเนินงานทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคลดลง
เมื่อเปรียบเทียบก่อนดำเนินการ บุคลากรในโรงเรียนปรับเปลี่ยนพฤตอกรรมการใช้พลังงานไปในทางที่ดีขึ้น คือ
มีความตระหนักความรับผิดชอบ มีการเรียนรู้ร่วมกันเสียสละ มั่นใจในตนเอง ริเริ่มสร้างสรรค์ หล้าแสดงออก มีภาวะผู้นำ
ผู้ตาม และมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานโดยทุกกระบวนการเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องส่งผลให้การอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียนมีความต่อเนื่องและยั่งยืน
|
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)