รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง |
การพัฒนารูปแบบองค์กรแห่งการเรียนรู้ในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
|
ชื่อเรื่องรอง |
Learning organization/Maptaphut factories industrial estate
|
ชื่อผู้แต่ง |
|
หัวเรื่องคำสำคัญ |
1. | องค์การแห่งการเรียนรู้ |
2. | องค์กรแห่งการเรียนรู้ |
|
หัวเรื่องควบคุม |
1. | การบริหารองค์ความรู้ |
2. | การเรียนรู้องค์การ |
|
คำอธิบาย / บทคัดย่อ |
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุงหมายเพื่อพัฒนารูปแบบองค์การแห่งการเีรียนรู้ที่เหมาะสมกับโรงงานอุตสาหกรรมเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดตามกรอบแนวคิดของเซนเกกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสร้างรูปแบบ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่ององค์กรแห่งการเีรียนรู้จำนวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจงโดยใช้เทคนิค เดลฟาย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารและพนักงานกลุ่ม QC ในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จำนวน 40 คน เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วน ประมาณค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและค่าความเบี่ยงเบนมาตราฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
รูปแบบที่เหมาะสมขององค์กรแห่งการเรียนรู้ในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตามแนวคิดของผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วย หลักการที่ 1 การมุ่งสู่ความเป็นเลิืศ ได้แก่ การให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้แก่พนักงาน จะทำให้องค์กรก้าวสู่ความ เป็นเลิศอย่างยั่งยืนและการส่งเสริมให้พนักงานมีการจัดการเรียนรู้ หลักการที่ 2 รูปแบบวิธีคิดและมุมมองที่เปิดกว้าง ได้แ่ก่ การสร้างแรงจูใจ ให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็น โดยให้การชมเชยหรือรางวัล และองค์กรในการกระจายอำนาจและมอบหมายงานที่เหมาะสมและชัดเจน หลักการที่ 3 การสร้างและสานวิสัยทัศน์ ได้แก่ การกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงงานโดยพนักงานยอมรับและมองเห็นในทิศทางเดียวกัน การกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน หลักการที่ 4 การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม ได้แก่ การสนับสนุนให้สมาชิกในทีมงานเรียนรู้ร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยวิธีการง่ายๆ เพื่อไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการร่วมกันและการให้บุคคลากรอบรมและเรียนรู้วิธีการทำงานเป็นทีม หลักการที่ 5 ความคิดเข้าใจเชิงระบบ ได้แก่ การวางแนวทางขององค์กรให้มุ่งไปในทางเดียวกัน โดยกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์และมุ่งเน้นลูกค้า การกำหนดเป้าหมายหรือทิศทางของหน่วยงานที่ชัดเจน ส่วนแนวคิดของผู้บริหารและพนักงาน กลุ่ม QC ในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด พบว่าประเด็นสำคัญตามหลักการทั้ง 5 ประกอบด้วย หลักการที่ 1 ได้แก่ การส่งเสริมให้พนักงานมีการดูแลจัดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และการบริหารงานโดยการใช้วงจรของเดมมิ่ง หลักการที่ 2 ได้แก่ ระะบบเศรษฐกิจใหม่ต้องพึ่งพาข้อมูลข่าวสาร ภูมิความรู่ ภูมิปัญญา เพื่อการคิดการตัดสินใจในชีวิตประจำวันและในธุรกิจ และผู้บริหารสนับสนุนและให้โอกาสแก่พนักงานในการเรียนรู้ตลอดจนส่งเสริมให้มีการสร้างผลงานความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ หลักการที่ 3 ได้แก่ การกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงงานโดยพนักงานยอมรับและมองเห็นไปในทิศทางเดียว และเชื่อในวิสัยทัศน์และการสร้างความรู้สึกร่วมกันในการวางแผนพัฒนาระบบงาน หลักการที่ 4 ได้แก่ สภาพแวดล้อมที่ดีจะเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และพัฒนาทีมงานของคนในองค์กรและปฏิบัติงงานในโรงงานต้องตระหนักเรื่องความปลอดภัย และการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน และหลักการที่ 5 ได้แก่ การคิดอ่านอย่างเป็นระบบเป็นการนำ องค์ความรู้มาบูรณาการขึ้นเป็นความรู้ใหม่เป็นการพัฒนานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี
|
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)