รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง การศึกษาและพัฒนาปัจจัยเชิงสาเหตุของภาวะผู้นำที่มีต่อประสิทธิผลของการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ชื่อเรื่องรอง A STUDY AND DEVELOPMENT OF LEADERSHIP CAUSAL FACTORS AFFECTING ADMINITRATION EFFECTIVENESS OF PRIVATE HIGHER EDUCATION INSTITUTIONS
ชื่อผู้แต่ง
1.วีระ ซีประเสริฐ
2.บุญเรือง ศรีเหรัญ
3.จุไร โชคประเสริฐ
หัวเรื่องคำสำคัญ
1.ภาวะผู้นำ
2.ประสิทธิผลของการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
หัวเรื่องควบคุม
คำอธิบาย / บทคัดย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประเมินผลการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 2) เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุของภาวะผู้นำที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจากการวิเคราะห์เอกสารและแนวคิด ทฤษฏีต่างๆที่เกี่ยวข้องและพัฒนารูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลของสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน โดยการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) และได้พัฒนาขึ้นเป็นโมเดลลิสเรล โดยใช้ตัวแปรแฝง 5 ตัว ได้แก่ ด้านภาวะผู้นำ ด้านความผูกพันต่อบทบาทการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ ด้านความฉลาดทางอารมณ์ ด้านทักษะการบริหารจัดการ และด้านประสิทธิผล การบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน และตัวแปรสังเกตได้ 27ตัวแปร และ 3) เพื่อสร้างโมเดลความสัมพันธ์ของปัจจัยเชิงสาเหตุของภาวะผู้นำที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจำนวน 800 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบมาตรวัดประมาณค่า 5 ระดับ โดยการสุ่มแบบบุ๊คเลทเมทริกซ์ (Booklet Matric Sampling) การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปเพื่อหาค่าสถิติพื้นฐานโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้โปรแกรม ลิสเรล (LIEREL) Version 8.80 เพื่อการวิเคราะห์โมเดลเชิงสาเหตุ (Causal Model) และตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างรูปแบบตามทฤษฏีกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 56 ปีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยของด้านความฉลาดทางอารมณ์ และด้านทักษากาบริหารจัดการ มีการปฏิบัติมาก ส่วนด้านความผูกพันต่อบทบาทการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ ด้านภาวะผู้นำ และด้านประสิทธิผลของการบริหารจัดการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนมีการปฏิบัติปานกลาง 2) ตัวแปรสังเกตได้ทุกปัจจัย มีการปฏิบัติสูงกว่าค่าเฉลี่ยและแจกแจงของตัวแปรมีลักษณะเป็นโค้งแบบราบกว่าปกติ (Platy Kurtic) 3) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ที่ได้ศึกษา จำนวน 27 ตัวแปร พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งหมด 371 คู่ มีค่าแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 329คู่ มีค่าแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 9 คู่ และมีความสัมพันธ์อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติจำนวน 300คู่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่มีคาเป็นบวกนั้นแสดงถึงความสัมพันธ์ที่มีทิศทางไปในทางเดียวกัน ความสัมพันธ์ทางลบจำนวน 71 คู่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่มีค่าเป็นลบนั้น แสดงถึงความสัมพันธ์ที่มีทิศทางไปในทางตรงข้ามกัน ในเมทริกซ์มีขนาดของความสัมพันธ์ทางบวก ตั้งแต่ 0.007 ถึง 0.990 และ มีขนาดของความสัมพันธ์ทางลบตั้งแต่-0.007 ถึง -0.440 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ทั้งที่อยู่ในตัวแปรแฝงเดียวกันและตัวแปรแฝงต่างกันความสัมพันธ์ส่วนใหญ่มีนัยทางสถิติ ขนาดของความสัมพันธ์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง(0.33 น้อยกว่า r น้อยกว่า 0.66)4) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสมมติฐานมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (ค่าไค-สแควร์ : x^2=527.27,องศาความเป็นอิสระ:df=187,ค่า ?=0.052,GFI=0.99,AGFI=0.98,RMSEA=0.047และCN=327.69) ค่าพารามิเตอร์เมทริกซ์อิทธิพลเชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรแฝงภายในมีความแปรเปลี่ยนโดตรงกับประสิทธิผลของการบริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)
ชื่อวารสาร วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ปีที่ 6
ฉบับที่ 1
หน้าที่ 77 - 92
ปีพิมพ์ 2555
ชื่อสำนักพิมพ์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ชื่อสำนักพิมพ์ภาษาอื่น
ISSN 1905-9647
ตำแหน่งในระบบ Link
ภาษา Thai
ติดต่อบรรณารักษ์
เพื่อยืมตัวเล่มวารสารไปถ่ายเอกสารบทความฉบับเต็ม

(บริการนี้สำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเท่านั้น)