รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาศักายภาพครูด้านการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โรงเรียนบ้านผึ้งวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่กรศึกษามัธยมศึกษา เขต22
ชื่อเรื่องรอง DEVELOPMENT OF THE TEACHERS' POTENTIAL ON PRODING COMPUTENR ASSISTED INSTED INSTRUCTION AT BAN PHUENGWITTHATAKHOM SCHOOL UNDER THE OFFICE OF THE SECONDSARY EDUCATIONAL SERVICE AREA 22
ชื่อผู้แต่ง
1.วสันต์ ศรีแสน
2.เพลินพิศ ธรรมรัตน์
หัวเรื่องคำสำคัญ
หัวเรื่องควบคุม
1.คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน
2.แบบเรียนสำเร็จรูป
คำอธิบาย / บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ( Participatory Action Research: PAR) โดยมีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาเกี่ยวกับการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) เพื่อหาแนวทางการพัฒนาครูด้านการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3) เพื่อติดตามและประเมินผลการพัฒนาครูด้านการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โรงเรียนบ้านผึ้งวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มครูผู้ร่วมวิจัย จำนวน 16 คน ได้แก่ 1) ผู้วิจัยจำนวน 1 คน 2) ครูผู้ร่วมวิจัย จำนวน 15 คน และ 2)กลุ่มผู้ให้ข้อมูล จำนวน 36 คน ได้แก่ 1)วิทยาการ จำนวน 2 คน 2) คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 5 คน 3) ผู้นิเทศ จำนวน 5 คน 4) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามสภาพและปัญหา แบบประเมินตนเองก่อนและหลังการอบรม แบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อการอบรม แบบสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และแบบประเมินคุณภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การวิเคราะห์ข้อมูลให้สถิติพื้นฐานในการวิเคราะห์ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพและปัญหาเกี่ยวกับการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พบว่า ครูมีสภาพการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนค่อยข้างน้อย ขาดแรงกระตุ้นในการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้สื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ส่วนปัญหา พบว่า ยังขาดการให้ความรู้ความเข้าใจในการจัดทำและนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน ขาดแรงกระตุ้นในการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มากรใช้งบประมาณส่วนตัวที่ใช้ในการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ขาดทักษะประสบการณ์ในการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และการจัดให้มีการประชุมหรือนำคณะครูเข้าร่วมปฏิบัติการเกี่ยวกับการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2. แนวทางการพัฒนาศักยภาพครู ได้ดำเนินการ 2 วงรอบ โดยในวงรอบที่ 1 ผู้วิจัยได้กำหนดแนวทางในการศักยภาพครูด้านการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ได้แก่ 1) การแบรมเชิงปฏิบัติการ 2) การสิเทศติดตามการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วงรอบที่ 2 ผู้วิจัยและครูผู้ร่วมวิจัยทุกคนที่ได้รับการประเมินบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในด้านที่มีข้อบกพร่องในวงรอบที่ 1 และการปรับปรุงบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอีกครั้งหนึ่ง และนิเทศติตามในด้านที่มีข้อบกพร่อง 3. ผลการติดตามและประเมินผลการพัฒนาศักยภาพครูด้านการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พบว่า ในวงรอบที่ 1 ผลการประเมินคุณภาพการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ของครูผู้ร่วมวิจัยโดยกลุ่มผู้นิเทศปรากฏโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ? = 4.54) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด 5 ด้านได้แก่ 1) ด้านตัวอักษร 2) การจัดการในบทเรียนและแบบฝึก 3) ด้านการใช้ภาษา 4) ด้านเนื้อหาและการดำเนินเรื่อง 5) ส่วนนำของบทเรียนและส่วนอีก 3 ด้านที่เหลือมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากและมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรวม ได้แก่ 1) ออกแบบระบบการเรียนการสอน 2) ด้านเสียง 3) ด้านกราฟิก และผลในวงรอบที่ 2 การเปรียบเทียบผลการประเมินคุณภาพการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ของครูผู้ร่วมวิจัย 16 คน ซึ่งได้รับการนิเทศติดตามประเมินผลจากกลุ่มผู้นิเทศ ในด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรวม 3 ด้าน พบว่าคะแนนเฉลี่ยวงรอบที่ 2 สูงกว่าวงรอบที่ 1 (x ? = 0.50)โดยมีร้อยละเพิ่มขึ้นเท่ากับ ร้อยละ 11.74 และครูผู้ร่วมวิจัยทุกคนมีความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจในการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)
ชื่อวารสาร วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ปีที่ 9
ฉบับที่ 41
หน้าที่ 135 - 146
ปีพิมพ์ 2555
ชื่อสำนักพิมพ์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ชื่อสำนักพิมพ์ภาษาอื่น
ISSN 1686 - 0632
ตำแหน่งในระบบ Link
ภาษา Thai
ติดต่อบรรณารักษ์
เพื่อยืมตัวเล่มวารสารไปถ่ายเอกสารบทความฉบับเต็ม

(บริการนี้สำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเท่านั้น)