รายละเอียดบทความ
ชื่อเรื่อง การเปรียบเทียบผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการเรียนการสอนผ่านเว็บกับวิธีสอนแบบปกติ รายวิชาศิลปะดนตรี ช่วงชั้นที่ 4
ชื่อเรื่องรอง A Comparison of Learning Outcomes of Fourth-Class Interval Students Using Web-based Intruction and the Conventional Teaching Approach in Music Art Couse
ชื่อผู้แต่ง
1.ปิยะพร เภาพลู
2.เผชิญ กิจระการ
3.กิตติพงษ์ ลือนาม
หัวเรื่องคำสำคัญ
1.ศิลปะดนตรี -- การศึกษาและการสอน -- คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน
หัวเรื่องควบคุม
1.คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน
คำอธิบาย / บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้จึงมีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบทเรียนผ่านเว็บ รายวิชาศิลปะดนตรี กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนช่วงชั้นที่ 4 (มัธยมศึกษาปีที่ 4-6) โรงเรียนสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา จำนวนทั้งสิ้น 720 คนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยกลุ่มทดลองเรียนด้วยบทเรียนทางเว็บ และกลุ่มควบคุมเรียนด้วยการสอนตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยแผนการสอน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดผลความสามารถในการวิเคราะห์ และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนผ่านเว็บ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ Paired t-test Independent t-test และ Hotelling’s T^2 ผลการวิจัยปรากฏพบว่า บทเรียนผ่านเว็บมีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.50/87.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนผ่านเว็บ มีค่าเท่ากับ 0.8091 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนที่เรียนวิชาศิลปะดนตรี ด้วยบทเรียนผ่านเว็บ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่านักเรียนกลุ่มที่เรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนผ่านเว็บ วิชาศิลปะดนตรีมีความพึงพอใจ ต่อการจัดการเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
รายละเอียดวารสารเพื่อติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม (Full Text)
ชื่อวารสาร วารสารราชพฤกษ์
ปีที่ 8
ฉบับที่ 3
หน้าที่ 106 - 111
ปีพิมพ์ 2554
ชื่อสำนักพิมพ์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา
ชื่อสำนักพิมพ์ภาษาอื่น
ISSN 1905-1344
ตำแหน่งในระบบ Link
ภาษา Thai
ติดต่อบรรณารักษ์
เพื่อยืมตัวเล่มวารสารไปถ่ายเอกสารบทความฉบับเต็ม

(บริการนี้สำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเท่านั้น)